วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552

เสนอให้กู้ทำนํ้าข้าวกล้องขาย

เสนอให้กู้ทำนํ้าข้าวกล้องขาย

ไอเดียกรมข้าวแค่3-5หมื่นจะได้สร้างงาน

ทั่วประเทศขานรับ อาหารสุขภาพ “น้ำข้าวกล้องงอก” กลายเป็นกระแสฟีเวอร์ มาแรงแซงทุกยี่ห้อฮิตกันไปทั่วเมือง “อ.เมธา” เผย “ในหลวง” เสวยข้าวกล้อง-น้ำข้าวกล้องงอก จนพลานามัยแข็งแรง “ปลัดเกษตรฯ” สั่งอบรม จนท.เกษตรทั่วประเทศ สร้างอาชีพรองรับคนตกงาน “อธิบดีกรมข้าว” เสนอ ก.แรงงาน ปล่อยกู้ลงทุนทำน้ำข้าวกล้องงอก ไม่เกินรายละ 3-5 หมื่นบาท ขณะที่บรรดาแม่บ้านหันมาสนใจทำขายเลี้ยงครอบครัวกันเป็นแถว ระบุสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำดีกว่าน้ำเต้าหู้แน่นอน ส่วนบรรยากาศสาธิตวันที่สอง ประชาชนยังคงหลั่งไหลเข้าชมกันอย่างต่อเนื่อง

กรณีหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ นำเสนอข่าว “น้ำข้าวกล้องงอก” ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งให้ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ปรุงเพื่อนำขึ้นโต๊ะเสวยทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุก ๆ 3 วัน เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารครบถ้วน หลังข่าวดีมีประโยชน์แพร่ออกไปไม่นานมีประชาชนจำนวนมากโทรศัพท์มาสอบถามที่ สำนักพิมพ์ฯ และกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับสูตร และวิธีทำ ทำให้กรมการข้าว ต้องเปิดโครงการสาธิตวิธีทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพดังกล่าว ปรากฏว่ามีประชาชนแห่เดินทางมาชมการสาธิตการทำน้ำข้าวกล้องงอกชนิดที่เรียก ว่ามืดฟ้ามัวดิน ทำเอาเจ้าหน้าที่รับไม่ไหว ต้องให้ทยอยเข้าชมรอบละ 50 คน ตั้งแต่เช้าจนเย็นก็ยังไม่หมด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ม.ค. ที่สำนักพัฒนาผลิต ภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร ได้จัดงานสาธิตวิธีการทำน้ำข้าวกล้องงอก และไอศกรีมข้าวกล้อง งอก เป็นวันที่สอง โดยวันนี้ยังคงมีประชาชนจำนวนมากสนใจเดินทางมาร่วมงานกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนจากกลุ่ม องค์กร หน่วยงานราชการ บริษัทเอกชน และประชาชน ที่จะนำไปประกอบธุรกิจส่วนตัว

นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กระแสน้ำข้าวกล้องงอกดี มากจนจะต้องขยายการอบรมไปทั่วประเทศ ซึ่งตนได้หารือกับนายจรัลธาดา กรรณสูต ปลัดกระทรวงเกษตรฯ รายงานถึงกระแสความนิยมในการที่คนไทยหันกลับมาบริโภคข้าวกล้อง และน้ำข้าวกล้องงอก รวมทั้งการแปรรูปข้าวกล้องงอกไปเป็นอาหารอื่น ๆ อีกทั้งจะเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับประชาชนทั่วไป และเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่คนตกงานสามารถหันมาทำน้ำข้าวกล้องงอก และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับข้าวกล้อง ทำขายเป็นรายได้เลี้ยงตัวเอง โดยนายจรัลธาดา สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับกรมการข้าว อบรมเจ้าหน้าที่การเกษตรทุกจังหวัดเพื่อนำสูตรไปอบรมให้กับประชาชนทุก พื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการ รองรับคนตกงานอีกทางหนึ่ง

“เจตนาของกรมการข้าวต้องการเผยแพร่สูตรน้ำข้าวกล้องงอกให้กับประชาชนไปทำขาย เช่นเดียวกับน้ำเต้าหู้ ที่มีขายอยู่ทุกซอกซอย และยิ่งเป็นน้ำข้าวกล้องงอก ซึ่งมีคุณค่าจะทำให้ขายดีขึ้น คนตกงานก็ทำขายเลี้ยงตัวเองได้สบาย เกษตรกรก็ทำรับประทานได้ง่าย ๆ ในครัวเรือน ทำเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ เพราะกรรมวิธีการทำใช้หลักการ เดียวกับการทำน้ำเต้าหู้ ประชาชนทั่วไปสามารถทำขายได้ ลงทุนไม่มาก วัตถุดิบก็ไม่แพง เครื่องมือรวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่เกิน 3-5 หมื่นบาท ซึ่งกระทรวงแรงงานน่าจะมีกองทุนกู้ยืมให้กับแรงงาน ที่โดนออกจากงานหรือถูกเลิกจ้างได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ไม่ยาก เพราะเป็นการขายสด รับประทานได้ทันที ดังนั้นจึงไม่ต้องผ่าน อย.ไม่ต้องใช้เงินทุนสูง เพราะไม่ได้บรรจุขวดขาย”

อธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระแสประชาชนรักสุขภาพสูงมาก ดูได้จากประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามาอบรม ขณะนี้ทั้งสองแห่งที่จะจัดอบรมในวันที่ 16 ม.ค. ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี และที่สำนักวิจัยข้าว ม.เกษตรฯ จัดในวันที่ 20 และ 29 ม.ค.นี้ รับวันละ 200 คน ขณะนี้โทรศัพท์เข้ามาจองจนเต็มแล้ว ซึ่งก็ขอให้ประชาชนโทรศัพท์มาจองการอบรมที่ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์น้ำ ข้าวกล้องงอก ที่เบอร์ 0-2561-2070, 0-2561-2182 และ 0-2579- 0922 สามารถลงชื่อไว้รอการอบรมล่วงหน้าได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปให้มาอบรมในครั้งต่อไปรวมทั้งจะมีตารางการ จัดการอบรมในต่างจังหวัดด้วย ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าว 50 ศูนย์ เข้ารับการอบรมในวันเสาร์ และอาทิตย์นี้ทันที เพื่อประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัไม่ต้องเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เพราะกระแสตอบรับจากประชาชนมีมากเหลือเกิน

นอกจากนี้กรมการข้าว ได้แจกเอกสารประกอบความเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณกาบ้าในพันธุ์ ข้าวไทยให้ประชาชนด้วย โดยระบุว่าข้าวกล้องข้าว เหนียว สายพันธุ์ กข.10 ปริมาณ 100 กรัม มีสารกาบ้า 65.0 มิลลิกรัม สายพันธุ์สกลนคร กาบ้า 34.6 มิลลิกรัม สายพันธุ์ข้าวขาวโปร่ไคร้ มีสาร กาบ้า 58.4 มิลลิกรัม ข้าวกล้องข้าวเจ้า พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีสารกาบ้า 37.2 มิลลิกรัม ข้าวขาวปทุมธานี 1 มีสารกาบ้า 31.0 มิลลิกรัม พันธุ์ข้าวชัยนาท 1 มีสารกาบ้า 28.8 มิลลิกรัม พันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี 1 มีสารกาบ้า 21.4 มิลลิกรัม พันธุ์ข้าวเหลืองปะทิว 123 มีสารกาบ้า 22.6 มิลลิกรัม และพันธุ์ข้าวพลายงาม มีสารกาบ้า 23.4 มิลลิกรัม

ส่วนนางสิริอร แก่นมณี อายุ 46 ปี ชาวกรุงเทพฯ ประชาชนที่เดินทางมาชมการสาธิตฯ กล่าวว่า ตนเดินทางมาเพื่อต้องการนำสูตรน้ำข้าวกล้องงอก ไปทำรับประทานเองในครอบครัวก่อน แล้วจะทำออกจำหน่ายมั่นใจจะขายได้ดี สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบาย เพราะจะขายดีกว่าน้ำเต้าหู้แน่นอน คุณค่าทางโภชนาการมีมากกว่า คนไทยขณะนี้รักสุขภาพ และยิ่งตอนนี้กระแสความนิยมบริโภคสูงมากทุกคนต้องการที่จะซื้อรับประทาน ส่วนคนที่ตกงานก็สามารถทำเป็นอาชีพได้ เพราะลงทุนไม่มาก คาดว่าจะทำขายส่งห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เกตด้วย เพราะทำน้ำฝรั่งคั้นสดขายอยู่แล้ว และจะประยุกต์ข้าวกล้องงอกมาทำอาหารอย่างอื่นอีกด้วย เช่น ขนมปัง โจ๊ก เชื่อว่าต้องขายดีแน่นอน

ด้านนางปัทมาภรณ์ จิตตรานุช อายุ 40 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า มารับการ อบรมเพราะต้องการได้สูตรไปทำขาย โดยเฉพาะน้ำข้าวกล้องงอก และไอศกรีมข้าวกล้องงอกจะขายดีแน่นอน กระแสคนไทยขณะนี้ต้องการบริโภคข้าวกล้องงอกกันมาก ดังนั้นจะต้องรีบนำมาทำขาย เพราะขนาดน้ำเต้าหู้ ยังทำขายกันทั่วประเทศ แต่นี่ดีกว่าคนรอซื้อเป็นจำนวนมาก

ขณะที่นายเมธา รัชตะปีติ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์ฝนหลวงหัวหิน กล่าวว่า ตน ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสวยข้าวกล้องงอกมาตลอด รวมทั้งทรงรับสั่งให้ตนรับประทานข้าวกล้องด้วย ซึ่งได้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสวยน้ำข้าวกล้องงอกด้วย ขณะนี้ทราบว่าห้องเครื่องเสวยได้ขอสูตรน้ำข้าวกล้อง งอกมาจากกรมการข้าว เพื่อมาทำเอง ตนรับใช้ “ในหลวง” มาตลอดเรื่องฝนหลวง และถวายรายงานให้พระองค์ทุกวัน เพราะพระองค์ท่านเป็นห่วงเรื่องน้ำ และเกษตรกรมาก ซึ่งทรงงานทุกวัน พระองค์ท่านทรงมีความจำดีเยี่ยม พระองค์ทรงวิเคราะห์ว่าปริมาณน้ำแต่ละปีจะเป็นอย่างไร เพราะพระองค์ทรงทำสถิติ ทำกราฟตลอด และมีพระพลานามัยแข็งแรง

นายสุเทพ โพธิ์งาม หรือป๋าเทพ โพธิ์งาม ศิลปินตลกอาวุโส ที่เคยผลิตน้ำข้าวกล้องจำหน่ายกล่าวว่า ดีใจที่วันนี้ผลิตภัณฑ์น้ำข้าวกล้อง หรือน้ำข้าวกล้องงอก ได้รับความนิยม เพราะเป็นของดี มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ แต่คนไทยไม่เคยสนใจ มัวแต่ไปยึดติดกับการบริโภคข้าวขาว หรืออาหารฟาสต์ฟู้ดกันหมด ทำให้ของดี ๆ ราคาย่อมเยาถูกมองข้าม ในฐานะที่เคยทำ “น้ำข้าวกล้อง” ขาย สาเหตุจริง ๆ เมื่อก่อนป่วยเป็นโรคเหน็บชา สุขภาพไม่ดี จึงหันมาใส่ใจกับสุขภาพ โดยทำน้ำข้าวกล้องกินเป็นประจำ ปรากฏว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้นมาก

“ผมเลยปิ๊งไอเดียทำขาย ตั้งใจให้ผู้คนทั่วไปบริโภคของดีมีประโยชน์ จึงไปซื้ออุปกรณ์มาเริ่มผลิต ตอนนั้นราวปี 45 เงินทุนไม่มี แต่อาศัย มีชื่อเสียง ใช้วิธีซื้อเงินผ่อน คิดรวมแล้วลงทุน ไปกว่า 1 ล้านบาท ใช้ชื่อยี่ห้อ “โพธิ์งาม” มีลูกค้าสนใจเยอะมาก เป็นที่ต้องการของตลาด หลังขายประมาณ 1 ปี ก็คิดขยายกิจการ เลยไปขออนุญาตจาก อย. แต่ไม่ผ่าน เพราะกรรมวิธีการผลิตไม่ทันสมัย ก็เลยต้องเลิกทำ ขอยืนยันว่าไม่ได้ขาดทุน ทุกวันนี้ยังทำกินเองที่บ้านด้วย”.

ไม่มีความคิดเห็น:

เกี่ยวกับฉัน