วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2552

อาหารจำเป็นของการมีอายุขัยยั่งยืน อย่าให้ขาด ชา กาแฟและโกโก้

อาหารจำเป็นของการมีอายุขัยยั่งยืน อย่าให้ขาด ชา กาแฟและโกโก้

ดื่มไวน์แกล้มถั่วลิสง

ดื่มไวน์แกล้มถั่วลิสง กลายเป็นยาอายุวัฒนะขนาน เอก [17 ม.ค. 52 - 00:30]

โรง พยาบาลมอนเตฟิออร์ได้เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้ใช้การหัวร่อบำบัด รักษาคนไข้มาได้ 5 ปีแล้ว ให้คนไข้ได้พบปะพูดคุยเล่นกัน และต่างคนต่างแหย่กันและกันให้หัวเราะ จะได้ลืมความเจ็บไข้ได้ป่วยลง ทั้งยังมีการฉายภาพยนตร์ตลก และแจกหนังสือเรื่องขำขันให้อ่านด้วย

สมาคมต่อต้านโรคมะเร็งแห่งอเมริกา และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์คนอื่นๆ เคยบอกไว้ว่า การหัวร่อเป็นวิธีการบำบัดรักษาให้ร่างกายคลายความตึงเครียด และเกิดความสบายใจที่ดีที่สุด

พร้อมกันนั้น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอันมีชื่อเสียงของสหรัฐฯได้แถลงว่า ได้พบกุญแจสำคัญที่จะไขให้รู้ความลับของความแก่ชรา โดยเปิดเผยผลของการศึกษาในวารสารวิชาการ “เซลล์วิทยา” ว่า ได้พบว่าโปรตีนที่มีชื่อว่า “เซอร์ตูอินส์” เป็นตัวพระเอกของการต่อต้านขบวนการความแก่ชรา มันจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นเมื่อยามเราแก่

ศาสตราจารย์เดวิด เอ. วินแคลร์ อาจารย์โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด แจ้งว่า มันช่วยรักษายีนให้หนุ่มแน่นอยู่เสมอ และยังช่วยซ่อมดีเอ็นเอที่เสื่อมโทรมเพราะความแก่ชราด้วย “มันควบคุมทั้งยีนและซ่อมแซมดีเอ็นเอด้วย” และเสริมว่า “เมื่อเราแก่ตัว โครงสร้างพันธุกรรมก็พลอยเสื่อมลง และโปรตีนนี้ก็รับใช้ทำหน้าที่ทั้งสองอย่างได้ดี”

ที่สำคัญก็คือ นักวิทยาศาสตร์ฮาร์วาร์ดได้พบหลักฐานว่า ขบวนการความแก่สามารถชะลอกันได้ จากการพบว่าหนูทดลองตัวที่มีโปรตีนนี้มาก ดีเอ็นเอของมันจะถูกซ่อมแซมให้ดี และยังป้องกันการเปลี่ยนแปลงอันไม่พึงปรารถนาในยีนด้วย “และตัวพระรองในเรื่องนี้ได้แก่ สารเรสเวอราทรอล ที่เป็นสารปฏิชีวนะของพืชอย่างหนึ่ง ที่พบกันมากในเหล้าไวน์แดง จะเข้าช่วยปลุกปั่นโปรตีนตัวนี้ ให้ซ่อมแซมโครงสร้างพันธุกรรมที่เสื่อมทรามลง”.


วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552

ท่าบริหารข้อมือ




ท่าบริหารข้อมือ มีดังนี้

ท่าที่ 1:

1.1 นั่งในท่าที่สบาย ตั้งแขนซ้ายขึ้น หันนิ้วก้อยเข้าหาตัวเอง ( รูป A)

รูป A

1.2 ใช้นิ้วโป้งขวาจับที่หลังมือซ้าย ให้นิ้วโป้งขวาอยู่ระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ซ้าย และ ทั้ง 4 นิ้วขวาที่เหลือ อ้อมมาอยู่ด้านบริเวณฝ่ามือซ้าย ( รูป B)
รูป B
1.3 หายใจเข้า- หายใจออก พร้อมบิดมือช้า ๆ ให้ฝ่ามือหันออกนอกตัว ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำซ้ำอีกครั้ง แล้วจึงเปลี่ยนไปทำอีกข้าง ( รูป C)
รูป C


ท่าที่ 2 :

2.1 นั่งในท่าที่สบาย ตั้งแขนซ้ายขึ้น หันนิ้วโป้งเข้าหาตัวเอง ( รูป D)

รูป D

2.2 ใช้มือขวาจับสันมือซ้าย ให้นิ้วโป้งขวาอยู่ด้านหลังมือซ้าย และ ทั้ง 4 นิ้วขวาที่เหลือ อยู่ที่บริเวณฝ่ามือซ้าย ( รูป E)
รูป E
2.3หายใจเข้า - หายใจออก พร้อมกับบิดข้อศอกซ้ายให้ตั้งฉากขึ้นช้า ๆ บิดข้อมือซ้ายลง โดยให้นิ้วก้อยซ้ายตั้งขึ้น ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำซ้ำอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนข้าง ( รูป F)
รูป F


ท่าที่ 3 :

3.1 ยกแขนซ้ายขึ้น มือขวาจับบริเวณหลังมือซ้าย



3.2 หายใจเข้า - หายใจออก พร้อมกับกด บริเวณข้อมือลงอย่างช้า ๆ ค้างไว้ 5 วินาที ทำ ซ้ำอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนข้าง ( รูป G)
รูป G

ท่าที่ 4:

4.1 แขนซ้ายตั้งขึ้น เหยียดนิ้วให้ตรง มือขวาจับปลายนิ้วทั้งสี่ ให้นิ้วมือทั้งสี่ อยู่ตรงกลา งระหว่าง นิ้วโป้ง และนิ้วชี้ของมือขวา



4.2 หายใจเข้า - หายใจออก พร้อมกับดัดปลายนิ้วทั้งสี่เบา ๆ โดยนิ้วโป้งขวา จะเป็นตัวค้ำแรงไว้ป้องกันการบาดเจ็บ ค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำอีกข้าง แล้วจึงเปลี่ยนไปทำอีกข้าง ( รูป H)
รูป H

ท่าที่ 5:

5.1 เหยียดแขนสองข้างไปข้างหน้า หันหลังมือเข้าหากัน ( รูป I)

รูป I

5.2 ยกมือซ้ายข้ามมือขวา แล้วประสานมือ ( รูป J)
รูป J
5.3 หายใจเข้า - หายใจออก ดึงแขนเข้ามา งอเข้ามาหาตัว แล้วเหยียดให้ตรง ค้างไว้ ประมาณ 5 วินาที แล้วจึงดึงแขนกลับ หลังจากนั้นทำอีกครั้ง โดยสลับให้มือขวาข้ามมือซ้าย ( รูป K, L, M)
รูป K


รูป L
รูป M

หน้าต่อไป


บริหารข้อเท้า

บริหารข้อเท้า

วิธีออกกำลังกาย

1. ถอดรองเท้า นั่งที่ขอบเก้าอี้ หมอนหนุนหลัง
2. เหยียดเท้าไปข้างหน้า ให้เข่าตึง ส้นเท้าติดพื้น
3. กระดกข้อเท้าเข้าหาตัวเองให้สุดแล้วคงท่าเดิม 10 วินาที
4. เหยียดข้อเท้าให้สุดและคงท่าเดิม 10 วินาที
ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

ไวน์แดงเพื่อสุขภาพ

ไวน์แดงเพื่อสุขภาพ

การดื่มไวน์แดงในปริมาณพอดีและสม่ำเสมอนั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ไวน์แดงยังเป็นเครื่องดื่มแทนน้ำที่มีการฆ่าเชื้อ (Anticeptic) แล้ว ด้วย ณ ระดับแอลกอฮอล์ 8-9 ดีกรียังเป็นตัวกระตุ้นทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า สดชื่น อารมณ์สุนทรี ร่าเริง โดยเฉพาะคนสูงอายุที่เป็นโรคประจำตัว เป็นโรคเบื่ออาหาร ไวน์จะเป็นตัวช่วยย่อยอาหารที่ดี และช่วยบำบัดความรุนแรงของโรคเบาหวาน (Diabetes) โรคมะเร็ง (Cancer) โลหิตจาง (Anaemia) และโรคหัวใจ (Heart Trouble) และช่วยบำบัด โรคความดันโลหิตต่ำอีกด้วย

สำหรับ ประโยชน์ของไวน์แดงทีมีต่อการลดอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจวาย โรคหัวใจล้มเหลวนั้น คือไวน์แดงมีส่วนทำให้ความเหนียวข้นของไขมัน คอเลสเตอรอล หรือ Lp (a) ที่มีอยู่ในเกร็ดเลือดลด ระดับลง โดยเกร็ดเลือดจะใสขึ้น และไม่จับตัวอุดตันตามผนังภายในของหลอดเลือด ส่งผลให้กระแสเลือดไหลเวียนได้เป็นอย่างดี และยังทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานเบาลงอีกด้วย

การที่ชาวฝรั่งเศสดื่มไวน์แดงในปริมาณที่พอเหมาะ 1 3 แก้วอย่างสม่ำเสมอทุกวัน โดยปฏิบัติกันเป็นนิสัยนั้นทำให้อัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และโรคหัวใจล้มเหลวของเขาลดลงถึง 50 % แม้พวกเค้าจะบริโภคอาหารชนิดมีไขมันสูงอยู่บ่อย ๆก็ตาม ซึ่งถือว่าชาวผรั่งเศสมีอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายที่ต่ำมากเมื่อ เทียบกับชาติอื่นๆที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกัน

สาร 2 ชนิดที่มีอยู่ในไวน์แดงและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายคือ

1. Resveratrol หรือ Transresveratrol

2. Tannin

สารทั้ง 2 นั้นมีอยู่ในเปลือก เม็ดและก้านองุ่น โดยไวน์แดงมีระดับ Resveratrol สูงกว่าไวน์ขาว เนื่องจากไวน์ขาวนำเฉพาะน้ำมาหมักโดยไม่มีเปลือก เมล็ดและกิ่ง-ก้านเหมือนไวน์แดง

การที่องุ่นที่เรารับประทานโดยทั่วไปนั้นมักปลูกในที่มีแดดมากเกินไปจึงทำให้ Resveratrol ปริมาณน้อยหรือแทบไม่มีเลย โดยแม้จะพบบ้างว่าองุ่นบางพันธุ์มี Resveratrol อยู่บ้างแต่ต้องรับประทานเป็นจำนวนมากจึงจะได้ประโยชน์เท่ากับการดื่มไวน์ 1 แก้ว ที่สำคัญคือองุ่นมีปริมาณน้ำตาลสูงถึง 20 % จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มแคลอรีให้ร่างกายโดยไม่จำเป็น และเป็นที่น่าสังเกตุว่าไวน์ราคาแพงกลับพบว่ามี Resveratrol ต่ำสาเหตุเนื่องจากไวน์เหล่านั้นถูกหมักในถังโอ๊ก ซึ่งกระบวนการผลิตเป็นตัวการในการลดปริมาณของ Resveratrol นั่นเอง

สาระโดย Phatrasamon Rattanangkun

Published in:Uncategorized |on January 4th, 2009 |

You can leave a response, or trackback from your own site.

One Response to “ไวน์แดงเพื่อสุขภาพ”

  1. Dr Varanyu Suchivoraphanpong Says:

    Oh!! I really like red wine!!

Leave a Reply

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบโปรตีนที่ทำให้อายุยืน

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบโปรตีนที่ทำให้อายุยืน

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ได้เข้าใกล้ในความเข้าใจในโรคหายากอย่าง Hartnup หลังจากพบความเกี่ยวข้องระหว่างการควบคุมความดันโลหิตกับอาหาร ซึ่งนี้เป็นการสร้างความเข้าใจในระบบย่อยอาหารและการทำงานของไตด้วย

การวิจัยนี้เริ่มด้วยการค้นพบหน้าที่สำคัญของโปรตีน ACE2 ในการะบวนการย่อยและดูดซึมอาหาร โดย ACE จะเป็นตัวตัดโมเลกุลของอาหารเพื่อสร้างเป็นฮอร์โมน ซึ่งจะไปควบคุมความดันโลหิต ตัวยับยั้ง ACE เป็นยาที่วางขายทั่วไปซึ่งจะไปลดความเสี่ยงในโรคหัวใจล้มเหลวและต้านผลของ การเป็นเบาหวานในระยะยาว

ACE มี 2 รูปแบบ ACE 1 เป็นโปรตีนที่ยายับยั้งความดันโลหิตสูงจะเข้าไปจับ ส่วน ACE2 ในอดีตยังไม่มีความเข้าใจแน่ชัดในกลไกการทำงาน แต่ตอนนี้พบว่า ACE2 จะทำหน้าที่ย่อยโปรตีนที่ร่างกายรับมาเป็นกรดอะมิโน แล้วจะพากรดอะมิโนเหล่านั้นจากลำไส้เล็กไปยังเซลล์กับโปรตีนตัวนำพา

ทีมวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าถ้าโปรตีนนำพาไม่สามารถจับกับ ACE2 ได้จะทำให้เกิดโรค Hartnup ได้ รางานวิจัยนี้ตีพิมพ์ลงวารสาร The Federation of American Societies for Experimental Biology (FASEB) Journal

ที่มา - PhysOrg.com

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552

เปิดรับ-อบรมทำนํ้าข้าวกล้องงอก

เปิดรับ-อบรมทำนํ้าข้าวกล้องงอก




เผยมีประโยชน์!ลดอาการวัยทอง'คลายเครียด'ได้

ศูนย์วิจัยข้าว เปิดสูตรน้ำข้าวกล้องงอก-ไอศกรีมข้าวกล่ำงอก ชี้เพิ่มคุณประโยชน์ให้ใส่ถั่วเหลือง งาขาวไปด้วย ด้านนักวิจัย ต่างมีกำลังใจในการทำงาน ระบุขอเผยสูตรทำคร่าว ๆ รอจดสิทธิบัตรก่อนแล้วจะเผยทั้งหมด เผยทำน้ำข้าวกล้องงอกถวายขึ้นโต๊ะเสวยวันละ 56 ขวด ประโยชน์นอกจากสารกาบ้า มีสารฟิโนลิก ยับยั้งการเกิดฝ้า สารออริซานอล ลดอาการวัยทอง คลายเครียด-จิตใจสงบ ระบุข้าวกล้องงอกข้าวเหนียวดำสุโขทัย 2 มีกาบ้าสูงถึง 28 มิลลิกรัม ขณะที่ข้าวกล้องงอกข้าวหอมดอกมะลิ 105 มีกาบ้า 18 มิลลิกรัม ด้าน อธิบดีกรมข้าว เปิดศูนย์ฮอตไลน์ให้ข้อมูลประชาชนแล้ว พร้อมรอสาธิตการทำน้ำข้าวกล้องงอก-ไอศกรีมข้าวกล่ำงอก 7 ม.ค.นี้

ภายหลังจากที่กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับน้ำข้าวกล้องงอก ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งให้นำน้ำข้าวกล้องงอกขึ้นโต๊ะเสวยเพื่อทูลเกล้าฯถวายพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุก ๆ 3 วัน เนื่องจากน้ำข้าวกล้องงอกมีคุณประโยชน์ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ช่วยระบบย่อยอาหาร ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ไม่ให้แก่ก่อนวัย บำรุงประสาท และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ อีกทั้งยังทำได้ง่ายด้วย จนได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศที่ต้องการสูตร วิธีทำและซื้อผลิตภัณฑ์ไปรับประทาน ซึ่งทางกรมการข้าวได้เปิดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ศูนย์ศิลปาชีพทุกสาขา และเตรียมจะสาธิตวิธีการทำอย่างละเอียดด้วย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี นางสำลี บุญญาวิวัฒน์ ผอ. สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว เปิดเผยว่า สูตรน้ำข้าวกล้องงอกผสมธัญพืชตนได้นำน้ำข้าว กล้องงอกผสมธัญพืช ทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จฯงานพระแม่โพสพ จ.อ่างทอง โดยพระองค์ทรงมีรับสั่งผ่านราชเลขาฯ ให้ทำถวายทุก 3 วันทั้งวังไกลกังวลและพระราชวังสวนจิตรลดา หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯมาประทับ ให้ทำถวายครั้งละ 56 ขวด ซึ่งทำให้เกิดกำลังใจในการทำงานให้กับนักวิจัยและนักวิชาการของเราเป็นอย่าง มากที่พระองค์ท่านทรงสนพระทัยและเสวยน้ำข้าวกล้องงอก ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ได้คิดค้นเรื่องคุณค่าของข้าวกล้องงอกมาตั้งแต่ปี 2550

“การคิดค้นนี้เพื่อเพิ่มสารกาบ้าในเมล็ดข้าวกล้องโดยได้ร่วมกับมหาวิทยาลัย รังสิต ในการวิจัยหาคุณค่าของสารกาบ้า เพราะเครื่องไม้เครื่องมือของศูนย์ฯ ไม่ทันสมัย จึงต้องอาศัยเครื่องมือของเอกชนในการทดสอบหาสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย จนมาแน่ใจว่าทำให้ข้าวกล้องงอกขึ้นพอมองเห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นไม่ต้องยาว เพราะถ้าเป็นรากข้าวสารกาบ้าจะเหลือน้อยมาก ซึ่งใช้เวลาในการทดสอบเรื่องความปลอดภัยต่อร่างกายจนแน่ใจแล้วจึงได้ทำออกมา เป็นอาหารที่ได้คุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุด พบว่าข้าวกล้อง งอกข้าวเหนียวดำสุโขทัย 2 จะมีกาบ้าถึง 28 มิลลิกรัม ข้าวกล้องงอกขาวหอมดอกมะลิ 105 มีกาบ้า 18 มิลลิกรัม อย่างไรก็ตามพันธุ์ข้าวไทยที่เมล็ดเป็นสีดำและสีน้ำตาลและสีแดง จะมีกาบ้าสูงอยู่แล้วเกือบทุกตัวที่เป็นข้าวกล้องไม่ผ่านการขัดจนขาว” นางสำลี กล่าว

นางสำลี กล่าวถึงกระแสความนิยม และความต้องการเรียนรู้สูตรทำน้ำข้าวกล้องงอกว่า ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ ทางสำนักวิจัยข้าวและพัฒนาข้าว จะเปิดรับและอบรมการทำน้ำข้าวกล้อง งอก 200 คน เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงขั้นตอนการทำอย่างถูกต้อง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทางสำนักวิจัยข้าวและพัฒนาข้าวจะเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ให้ โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลข โทร. 0-2577-1688-9 ในวันและเวลาราชการ

น.ส.สุนันทา วงค์ปิยชน นักวิจัยประจำศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี เจ้าของสูตรน้ำข้าวกล้อง งอกผสมธัญพืช เปิดเผยถึงขั้นตอนวิธีการทำน้ำข้าวกล้องงอกอย่างคร่าว ๆ ว่า ยังไม่ขอบอกสูตรการเพาะข้าวกล้องให้งอกจะต้องรอการจดอนุสิทธิบัตรให้แล้ว เสร็จก่อน แต่จะต้องใช้ข้าวกล้อง ใหม่ ๆ เพราะจะทำให้อัตราการงอกมีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และใช้ข้าวกล้องงอกขาวดอกมะลิ 105 ข้าวกล้องงอกข้าวเหนียวดำสุโขทัย 2 ถั่วเหลือง งาขาว มาบดผสมกันและนำไปต้มใช้เวลาทั้งสองอย่าง 20 นาที เสร็จแล้วรอให้เย็นบรรจุขวดแล้วส่งเข้าวังไกลกังวล ซึ่งสูตรนี้จะได้เนื้อเยื่อและสารอาหารจากถั่วและงาด้วย คุณประโยชน์ ของข้าวกล้องงอกนอกจากป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และมีสารต้านอนุมูลอิสระในการป้องกันโรคมะเร็งแล้ว ยังมีสารกลุ่มฟิโนลิก ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า สารออริซานอล ช่วยอาการผิดปกติของวัยทอง คลายเครียดทำให้จิตใจสงบด้วย

น.ส.สุนันทา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางศูนย์ยังได้คิดค้นแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ตัวอื่นด้วยเช่น ข้าวกล้องงอกสำเร็จรูปบรรจุถุง 4 สายพันธุ์ ข้าวกล้องงอกขาวหอมดอกมะลิ 105 ข้าว กล้องงอกข้าวสังข์หยดพัทลุง ข้าวกล้องงอกข้าวเหนียวดำสุโขทัย 2 ข้าวกล้องงอกข้าวชัยนาท ข้าวพองข้าวกล้อง ข้าวกล้องผสมธัญพืชแบบฉีกซองละลายน้ำทาน ซึ่งจะมีการนำผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ที่ศูนย์วิจัยฯคิดค้นไปรวมกับกรมอนามัย เพื่อต่อยอดงานวิจัยให้ได้คุณค่าทางสารอาหารและเพิ่มมูลค่าการแปรรูปข้าวให้ เป็นอาหารได้หลากหลายชนิดมากขึ้นด้วย

นายประเสริฐ โกศัลยวิตร อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า จากกระแสที่คนไทยตื่นตัว ทั่วประเทศที่ได้ทราบถึงคุณค่าทางสารอาหาร ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ จากน้ำข้าวกล้องงอก ทำให้มีประชาชนจากทั่วประเทศสนใจโทรศัพท์เข้ามาสอบถามสูตรการทำน้ำ ข้าวกล้องงอก ไอศกรีมข้าวกล่ำงอก ทางกรมการข้าวเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่และข้าราชการไม่เป็นอันทำงานกัน

“ลูกน้องผมให้เบอร์มือถือส่วนตัวไปกับประชาชน ทำให้ต้องรับโทรศัพท์หลายร้อยสายทั่วประเทศ ต่างโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องสูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอก การเพาะข้าวกล้องให้ งอก วิธีการนำข้าวกล้องไปทำไอศกรีม รวมทั้งสำนักวิจัยต่าง ๆ ทุกสำนักต่างรับโทรศัพท์จากประชาชนกันตลอดเวลา ผมจึงได้ตัดสินใจตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ข้อมูลอย่างทั่วถึงแก่ ประชาชนที่สนใจ ได้อย่างตรงจุดที่ประชาชนสงสัย และอธิบายถึงวิธีขั้นตอนต่าง ๆ อย่างถูกต้อง โดยให้มีนักวิชาการนั่งรับโทรศัพท์คอยตอบคำสอบถามของประชาชนด้วย ดังนั้นขอให้ ประชาชนโทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์ 0-2561-2182 0-2561-2070 และ 0-2579-0922 จะตั้งเป็นศูนย์ข้อมูลให้ประชาชนที่สนใจได้สอบถามได้ตลอดเวลาแต่เป็นในเวลา ราชการ” นายประเสริฐ กล่าว

นางลัดดาวัลย์ กรรณนุช ผอ.สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว เปิดเผยถึงสูตรการทำไอศกรีมข้าวกล่ำงอก หรือข้าวเหนียวดำงอก ซึ่งเป็นสูตรที่ทำถวายสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่าใช้ข้าวกล้องงอก ที่เป็นข้าวเหนียวดำใหม่ ๆ นำมาแช่น้ำระยะเวลา 4-6 ชั่วโมง พอเป็นตุ่มสีขาวพอมองเห็น และนำมาต้มทำเป็นน้ำข้าวกล้องงอกก่อน นำน้ำข้าว กล้องงอกมาผสมกับกะทิคั้นสดและน้ำตาล ปั่นด้วยเครื่องปั่นไอศกรีมขนาดเล็กหรือขนาด อุตสาหกรรม สัดส่วนน้ำแข็ง เกลือ = 3:1 ซึ่งส่วนผสมจะเน้นวัตถุดิบจากข้าวกล้องทั้งหมดโดยไม่มีส่วนผสมของแป้งจาก แหล่งอื่น ๆ โดยวันที่ 7 ม.ค.นี้ จะจัดการสาธิตการทำไอศกรีมข้าวกล่ำงอก และน้ำข้าวกล้องงอก ด้วยที่สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวตั้งแต่เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายจรัลธาดา กรรณสูต ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ได้สั่งการให้กรมการข้าวทำน้ำข้าวกล้องงอกบรรจุขวดเพื่อนำไปร่วมทูลเกล้าฯ ถวายขึ้นโต๊ะเสวยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยในการนี้นายจรัลธาดา ได้รับพระกรุณาฯ ให้ร่วมโต๊ะเสวยในครั้งนี้ด้วย.

แห่ชมทำน้ำข้าวกล้องงอกสูตรขึ้นโต๊ะเสวย

แห่ชมทำน้ำข้าวกล้องงอกสูตรขึ้นโต๊ะเสวย


เปิดเมนูเด็ดอีกสูตร'บ๊ะจ่างข้าวกล้องงอก'สุดยอดคุณค่าอาหาร

ประชาชนแห่ชมสาธิตการทำน้ำข้าวกล้องงอก สูตรขึ้นโต๊ะเสวยในหลวง มืดฟ้ามัวดิน เจ้าหน้าที่รับไม่ไหว ทยอยให้ชมรอบละ 50 คน ตั้งแต่เช้าจนเย็นก็ยังไม่หมด โวยต้องหาสถานที่จัดใหญ่กว่านี้ ด้าน อธิบดีกราบขอโทษ เพราะไม่คิดว่าคนจะสนใจมากขนาดนี้ เร่งปั๊มสูตรทำลงวีซีดีแจกฟรี พร้อมลงเว็บไซต์ของกรม กับสนุกดอทคอม คาดต่อไปอาจเปิดอบรมใน ทุกจังหวัด ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี เปิดอีกสูตร “บ๊ะจ่างข้าวกล้องงอกสูตรถวายสมเด็จพระเทพฯ” คุณค่าสารอาหารครบถ้วนเพราะเป็นอาหารคาวที่มีทั้งโปรตีน และพลังงานบวกกับสารกาบ้า และสารต้านอนุมูลอิสระ

ภายหลังมีประชาชนจำนวนมาก สอบถามเข้ามาที่สำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับสูตรและวิธีทำ “น้ำข้าวกล้องงอก” ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งให้ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ปรุงเพื่อนำขึ้นโต๊ะเสวย ทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุก ๆ 3 วัน เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารครบถ้วน ทำให้กรมการข้าว ตอบสนองความต้องการของประชาชน เปิดโครงการสาธิตวิธีทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพดังกล่าว

โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ม.ค. ที่สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร ได้จัดงานสาธิตวิธีการทำน้ำข้าวกล้องงอก และไอศกรีมข้าวกล้องงอก มีประชาชนสนใจเดินทางมาร่วมงานตลอดทั้งวันนับพันคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่สนใจข่าวเรื่องน้ำข้าว กล้องงอก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเสวย มีหลายสิบรายเดินทางมาจากต่างจังหวัด อาทิ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก ตรัง พัทลุง นนท บุรี สมุทรปราการ ฯลฯ ทำให้ประชาชนต้อง ยืนรอนานเพราะไม่มีเก้าอี้ หรือสถานที่จัดเตรียมไว้ให้นั่งรอการสาธิต ปัญหาเกิดจากสถานที่สาธิตรองรับได้แค่รอบละ 50 คน แต่มีประชาชนมากกว่านั้นหลายเท่า จึงต้องจัดการสาธิตตลอด ทั้งวันจนเจ้าหน้าที่ไม่ได้พักรับประทานอาหารกลางวัน เพราะประชาชน ผู้สูงวัยที่มาจากต่างจังหวัดต้องการมาชมแล้วเดินทางกลับบ้านได้ภายในวัน เดียว จนเกิดความโกลาหลต้องให้ทุกคน ที่มาลงทะเบียนไว้ก่อน เพื่อจะได้เพิ่มรอบการ อบรม โดยจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไป นอก จากนี้ผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องที่มีวางจำหน่ายในสำนักผลิตภัณฑ์ข้าว ประชาชนแย่งกันซื้อจนหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ต่อมานายประเสริฐ โกศัลยวิตร อธิบดีกรมการข้าว ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว จึงลงมาขอโทษประชาชน โดยกล่าวว่าตนกราบขออภัยในเรื่องสถานที่ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมมากกว่านี้ เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีประชาชนมามากมายอย่างนี้ ซึ่งตนจะสั่งการให้ขยายการอบรมเพิ่มขึ้น เรื่อย ๆ โดยในวันที่ 16 ม.ค.นี้ จะจัดอบรมการทำน้ำข้าวกล้องงอก สูตรขึ้นโต๊ะเสวย ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี คลองหก จ.ปทุมธานี ซึ่งมีสถานที่กว้างขวาง สะดวก และเครื่องมือพร้อมกว่า จากนั้นในวันที่ 20 ม.ค.จะสาธิตอีกครั้งที่สำนักวิจัยข้าว ข้างปั๊มน้ำมันปตท.ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน นอกจากนี้ยังจะเร่งนำข้อมูลต่าง ๆ เช่น สูตรน้ำข้าวกล้องงอก สูตรไอศกรีมข้าวกล้องงอก วิธีการเพาะข้าวกล้องให้งอก วิธีการดูข้าวกล้องใหม่อายุไม่เกิน 6 เดือนว่าสีสันเป็นอย่างไร ทำเป็นแผ่นวีซีดีแจก และลงในเว็บไซต์ของกรมการข้าวด้วย ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามได้มีประชาชนโทรศัพท์มาจากต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก บอกว่าไม่สะดวกที่จะเข้ามารับการอบรมในกรุงเทพฯ ตนจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าว และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ทั่วประเทศ 50 ศูนย์ เข้ามาอบรม เพื่อนำไปอบรมต่อให้กับประชาชนในแต่ละจังหวัดที่ศูนย์ตั้งอยู่

“ผมกราบขออภัยจริง ๆ ที่วันนี้ประชา ชนมาแล้วไม่ได้รับความสะดวก และยังไม่ได้รับชมการสาธิต เพราะกรมการข้าวยังไม่มีตึกเป็นของตนเอง ต้องอาศัยกรมอื่นเป็นสถานที่ทำงาน เพราะเราเป็นกรมตั้งใหม่ ขอให้ประชาชนที่มาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลงทะเบียนไว้ทั้งหมด เพื่อทางกรมจะได้ทยอยจัดการอบรมให้ และจะหาสถานที่ให้กว้างขวางเพื่อประชาชนที่มาจะได้ลงมือทำเองได้ด้วย โดยเฉพาะที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุม ธานี คลองหก จะมีอุปกรณ์พร้อมกว่านี้ และจัดการอบรมเพิ่มทันทีในวันที่ 20 ม.ค. เพราะประชาชนร้องขอมาเป็นจำนวนมาก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ไปสอบถามที่ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์ เรื่องน้ำข้าวกล้องงอก และไอศกรีมข้าวกล้องงอกโดยเฉพาะที่เบอร์โทร. 0-2577-1688-9” นายประเสริฐ เผย

อธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อว่าตนจะไปสั่งการทันทีให้นำสูตรต่าง ๆ ลงเว็บไซต์ของ กรมการข้าว และให้ลงในเว็บไซต์สนุกดอทคอม (www.sanook.com) ด้วย เพราะเห็นผู้สูงอายุต้องเดินทางมายืนรอตั้งแต่เช้าแล้วน่าเห็นใจมาก ทำให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ใส่ใจสุขภาพ และเห็นคุณค่าของข้าวไทย ของไทย ๆ ที่ทำง่าย ๆ และอยู่ในครัวของเราเองที่เรามองข้ามกันมา ตลอด ตอนนี้ทุกคนสนใจและต้องการที่จะรู้วิธีการบริโภคที่ถูกต้อง ได้คุณค่าสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องโฆษณาชวนเชื่อ หรือต้องไปเสียเงินแพงกินของนอก ประโยชน์ก็จะกลับมาสู่เกษตรกร สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้กับชาวนาได้อีกด้วย เพราะชาวนาผลิตข้าวกล้อง หรือข้าวกล้องงอกขายเองได้ เป็นการเพิ่มมูลค่าของข้าวไปในตัว โดยที่ชาวนา ไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลาง และโรงสี ที่ส่วน ใหญ่ชอบซื้อถูกแต่ขายแพง ทำให้ชาวนามีแต่ หนี้มาโดยตลอดเพราะชาวนาไม่มีตลาดเป็นของตนเอง

“ผมแนะนำให้เกษตรกรรวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่ม หรือเป็นชุมชน ซื้อเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก ราคาตัวละไม่เกิน 3 หมื่นบาทจากกรมวิชาการเกษตร นำข้าวที่ปลูกเองมาสีเป็นข้าว กล้องขาย หรือทำเป็นข้าวกล้องงอก ก็เป็นการสร้างรายได้ที่เลี้ยงครอบครัวได้สบาย ๆ กลุ่มเกษตรกรใดสนใจให้ไปดูงานของกลุ่มเกษตรกรพัทลุง ทำข้าวกล้องงอกพันธุ์สังข์หยด จนทุกวันนี้ทำไม่ทันขายแล้ว เพราะกระแสความต้องการข้าวกล้องงอกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” นายประเสริฐกล่าวตอนท้าย

ด้านประชาชนที่มาชมการสาธิต ต่างนั่งรอคิวด้วยความอดทน แม้จะรอตั้งแต่เช้าจนบ่ายก็ตาม อาทิ นายเทิด เกียรติสุขเกษม อดีตอัยการที่ปรึกษา อายุ 80 ปี และนางผลิดอก เกียรติ สุขเกษม ภรรยา อดีตพยาบาล อายุ 69 ปี โดยนายเทิด กล่าวว่าตนสนใจมากเพราะเห็นข่าวว่า ในหลวงและพระราชินี โปรดเสวย จึงมั่นใจว่า ต้องเป็นของดีมีคุณค่าแน่ จึงต้องการมาชมการสาธิตเพื่อนำกลับไปทำทานที่บ้าน เพราะตนชอบรับประทานข้าวกล้องมาตลอดเป็น 10 ปีแล้ว ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นเหน็บชา ความจำดีมาก ผิวไม่แห้งด้วย จะเห็นได้จากพระราชินี โปรดเสวยข้าวกล้องพันธุ์สังข์หยด ทำให้พระองค์ยังคง ดูพระสิริโฉมงดงามตลอด

ด้านนางผลิดอก กล่าวว่าตนได้เห็นสรรพคุณของข้าวกล้องมาแล้วจากพี่สาวป่วยเป็นอัมพาต ปากเบี้ยวอยู่ 4-5 ปี หันมารับประทานข้าวกล้องทุกมื้อ พร้อมกับออกกำลังกายรำมวยไท้เก๊ก ขณะนี้อัมพาตหายแล้ว เดินสะดวก จึงต้องการมาดูการสาธิต และมาเอาสูตรทำน้ำข้าว กล้องงอก เพราะที่บ้านมีผู้สูงอายุหลายคน แม่ของตนอายุ 90 ปี ซึ่งจะต้องทำให้ทานทุกวัน อย่างไรก็ตามตนรอจนบ่ายแล้ว ก็ยังไม่ได้รับชมการสาธิต คาดว่าจะมาใหม่ในวันที่ 8 ม.ค.นี้ ตนขอตั้งข้อสังเกตว่ามหาวิทยาลัยเกษตรฯ มีสถาน ที่กว้างขวาง ทำไมไม่จัดหาสถานที่ให้ดีกว่านี้ หอประชุมก็ใหญ่โตน่าจะจัดให้ประชาชนเข้าไปใช้สถานที่และชมการสาธิตได้

สำหรับน้ำข้าวกล้องงอกสูตร “ขึ้นโต๊ะเสวย” วิธีทำจะเริ่มจากเมล็ดข้าวกล้องใหม่ อัตราส่วน 100 กรัม หรือ 1 ขีด ซาวน้ำล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำ 1 ลิตร ทิ้งไว้ 5-6 ชม. ก็จะเกิดเป็นตุ่มงอก สีขาวขึ้นมาที่เมล็ดข้าวพอมองเห็น จากนั้นเอาขึ้นจากน้ำมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด แต่อย่าให้เดือดมาก เสร็จแล้วใช้ผ้าขาวบาง หรือกระชอนกรองน้ำออกมาดื่ม โรยเกลือป่นให้ออกเค็มเพิ่มรสชาติเล็กน้อย ก็จะเพิ่มความอร่อยนอกจากความหอมหวานที่มีอยู่ในน้ำข้าวกล้องงอกแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ยังเปิดเผยสูตรบ๊ะจ่างข้าว กล้องงอก ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยนางสุนันทา วงศ์ปิยนุช นักวิจัยพันธุ์ข้าว เจ้าของสูตรน้ำข้าวกล้องงอก และบ๊ะจ่างข้าวกล้องงอก เปิดเผยว่าตนได้ทำบ๊ะจ่างข้าวกล้องงอก และนางสำลี บุญญาวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาข้าว ได้นำขึ้น ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จฯ โรงเรียนนายร้อยจปร. จ.นครนายก เมื่อทรงชิม พระองค์มี รับสั่งว่าอร่อยมากเช่นกัน และไม่ทำให้อ้วนด้วย มีความหอมของข้าวเหนียวดำงอกด้วย ซึ่งสูตรเหมือนกับการทำบ๊ะจ่างทั่วไป คนที่ทำบ๊ะจ่างเป็นอยู่แล้ว นำไปประยุกต์ทำได้เลย โดยเพิ่มข้าวเหนียวดำงอกเข้าไปเพื่อให้ตัดกับข้าวเหนียวขาว สีจะได้ออกมาสวยงามน่ารับประทาน โดยสัดส่วนข้าวเหนียวขาวสองส่วน ข้าวเหนียวดำงอกหนึ่งส่วน แล้วก็ใส่เนื้อหมู ไข่แดง เม็ด แปะก๊วย ปรุงรสตามใจชอบ เท่านี้ก็ได้บ๊ะจ่างข้าวกล้อง งอกที่เป็นอาหารคาวทาน มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน แล้วไม่อ้วนด้วย เพราะข้าวกล้องจะอยู่ท้องอิ่มได้นาน.

เสนอให้กู้ทำนํ้าข้าวกล้องขาย

เสนอให้กู้ทำนํ้าข้าวกล้องขาย

ไอเดียกรมข้าวแค่3-5หมื่นจะได้สร้างงาน

ทั่วประเทศขานรับ อาหารสุขภาพ “น้ำข้าวกล้องงอก” กลายเป็นกระแสฟีเวอร์ มาแรงแซงทุกยี่ห้อฮิตกันไปทั่วเมือง “อ.เมธา” เผย “ในหลวง” เสวยข้าวกล้อง-น้ำข้าวกล้องงอก จนพลานามัยแข็งแรง “ปลัดเกษตรฯ” สั่งอบรม จนท.เกษตรทั่วประเทศ สร้างอาชีพรองรับคนตกงาน “อธิบดีกรมข้าว” เสนอ ก.แรงงาน ปล่อยกู้ลงทุนทำน้ำข้าวกล้องงอก ไม่เกินรายละ 3-5 หมื่นบาท ขณะที่บรรดาแม่บ้านหันมาสนใจทำขายเลี้ยงครอบครัวกันเป็นแถว ระบุสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำดีกว่าน้ำเต้าหู้แน่นอน ส่วนบรรยากาศสาธิตวันที่สอง ประชาชนยังคงหลั่งไหลเข้าชมกันอย่างต่อเนื่อง

กรณีหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ นำเสนอข่าว “น้ำข้าวกล้องงอก” ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งให้ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ปรุงเพื่อนำขึ้นโต๊ะเสวยทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุก ๆ 3 วัน เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารครบถ้วน หลังข่าวดีมีประโยชน์แพร่ออกไปไม่นานมีประชาชนจำนวนมากโทรศัพท์มาสอบถามที่ สำนักพิมพ์ฯ และกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับสูตร และวิธีทำ ทำให้กรมการข้าว ต้องเปิดโครงการสาธิตวิธีทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพดังกล่าว ปรากฏว่ามีประชาชนแห่เดินทางมาชมการสาธิตการทำน้ำข้าวกล้องงอกชนิดที่เรียก ว่ามืดฟ้ามัวดิน ทำเอาเจ้าหน้าที่รับไม่ไหว ต้องให้ทยอยเข้าชมรอบละ 50 คน ตั้งแต่เช้าจนเย็นก็ยังไม่หมด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ม.ค. ที่สำนักพัฒนาผลิต ภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร ได้จัดงานสาธิตวิธีการทำน้ำข้าวกล้องงอก และไอศกรีมข้าวกล้อง งอก เป็นวันที่สอง โดยวันนี้ยังคงมีประชาชนจำนวนมากสนใจเดินทางมาร่วมงานกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนจากกลุ่ม องค์กร หน่วยงานราชการ บริษัทเอกชน และประชาชน ที่จะนำไปประกอบธุรกิจส่วนตัว

นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กระแสน้ำข้าวกล้องงอกดี มากจนจะต้องขยายการอบรมไปทั่วประเทศ ซึ่งตนได้หารือกับนายจรัลธาดา กรรณสูต ปลัดกระทรวงเกษตรฯ รายงานถึงกระแสความนิยมในการที่คนไทยหันกลับมาบริโภคข้าวกล้อง และน้ำข้าวกล้องงอก รวมทั้งการแปรรูปข้าวกล้องงอกไปเป็นอาหารอื่น ๆ อีกทั้งจะเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับประชาชนทั่วไป และเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่คนตกงานสามารถหันมาทำน้ำข้าวกล้องงอก และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับข้าวกล้อง ทำขายเป็นรายได้เลี้ยงตัวเอง โดยนายจรัลธาดา สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับกรมการข้าว อบรมเจ้าหน้าที่การเกษตรทุกจังหวัดเพื่อนำสูตรไปอบรมให้กับประชาชนทุก พื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการ รองรับคนตกงานอีกทางหนึ่ง

“เจตนาของกรมการข้าวต้องการเผยแพร่สูตรน้ำข้าวกล้องงอกให้กับประชาชนไปทำขาย เช่นเดียวกับน้ำเต้าหู้ ที่มีขายอยู่ทุกซอกซอย และยิ่งเป็นน้ำข้าวกล้องงอก ซึ่งมีคุณค่าจะทำให้ขายดีขึ้น คนตกงานก็ทำขายเลี้ยงตัวเองได้สบาย เกษตรกรก็ทำรับประทานได้ง่าย ๆ ในครัวเรือน ทำเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ เพราะกรรมวิธีการทำใช้หลักการ เดียวกับการทำน้ำเต้าหู้ ประชาชนทั่วไปสามารถทำขายได้ ลงทุนไม่มาก วัตถุดิบก็ไม่แพง เครื่องมือรวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่เกิน 3-5 หมื่นบาท ซึ่งกระทรวงแรงงานน่าจะมีกองทุนกู้ยืมให้กับแรงงาน ที่โดนออกจากงานหรือถูกเลิกจ้างได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ไม่ยาก เพราะเป็นการขายสด รับประทานได้ทันที ดังนั้นจึงไม่ต้องผ่าน อย.ไม่ต้องใช้เงินทุนสูง เพราะไม่ได้บรรจุขวดขาย”

อธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระแสประชาชนรักสุขภาพสูงมาก ดูได้จากประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามาอบรม ขณะนี้ทั้งสองแห่งที่จะจัดอบรมในวันที่ 16 ม.ค. ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี และที่สำนักวิจัยข้าว ม.เกษตรฯ จัดในวันที่ 20 และ 29 ม.ค.นี้ รับวันละ 200 คน ขณะนี้โทรศัพท์เข้ามาจองจนเต็มแล้ว ซึ่งก็ขอให้ประชาชนโทรศัพท์มาจองการอบรมที่ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์น้ำ ข้าวกล้องงอก ที่เบอร์ 0-2561-2070, 0-2561-2182 และ 0-2579- 0922 สามารถลงชื่อไว้รอการอบรมล่วงหน้าได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปให้มาอบรมในครั้งต่อไปรวมทั้งจะมีตารางการ จัดการอบรมในต่างจังหวัดด้วย ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าว 50 ศูนย์ เข้ารับการอบรมในวันเสาร์ และอาทิตย์นี้ทันที เพื่อประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัไม่ต้องเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เพราะกระแสตอบรับจากประชาชนมีมากเหลือเกิน

นอกจากนี้กรมการข้าว ได้แจกเอกสารประกอบความเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณกาบ้าในพันธุ์ ข้าวไทยให้ประชาชนด้วย โดยระบุว่าข้าวกล้องข้าว เหนียว สายพันธุ์ กข.10 ปริมาณ 100 กรัม มีสารกาบ้า 65.0 มิลลิกรัม สายพันธุ์สกลนคร กาบ้า 34.6 มิลลิกรัม สายพันธุ์ข้าวขาวโปร่ไคร้ มีสาร กาบ้า 58.4 มิลลิกรัม ข้าวกล้องข้าวเจ้า พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีสารกาบ้า 37.2 มิลลิกรัม ข้าวขาวปทุมธานี 1 มีสารกาบ้า 31.0 มิลลิกรัม พันธุ์ข้าวชัยนาท 1 มีสารกาบ้า 28.8 มิลลิกรัม พันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี 1 มีสารกาบ้า 21.4 มิลลิกรัม พันธุ์ข้าวเหลืองปะทิว 123 มีสารกาบ้า 22.6 มิลลิกรัม และพันธุ์ข้าวพลายงาม มีสารกาบ้า 23.4 มิลลิกรัม

ส่วนนางสิริอร แก่นมณี อายุ 46 ปี ชาวกรุงเทพฯ ประชาชนที่เดินทางมาชมการสาธิตฯ กล่าวว่า ตนเดินทางมาเพื่อต้องการนำสูตรน้ำข้าวกล้องงอก ไปทำรับประทานเองในครอบครัวก่อน แล้วจะทำออกจำหน่ายมั่นใจจะขายได้ดี สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบาย เพราะจะขายดีกว่าน้ำเต้าหู้แน่นอน คุณค่าทางโภชนาการมีมากกว่า คนไทยขณะนี้รักสุขภาพ และยิ่งตอนนี้กระแสความนิยมบริโภคสูงมากทุกคนต้องการที่จะซื้อรับประทาน ส่วนคนที่ตกงานก็สามารถทำเป็นอาชีพได้ เพราะลงทุนไม่มาก คาดว่าจะทำขายส่งห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เกตด้วย เพราะทำน้ำฝรั่งคั้นสดขายอยู่แล้ว และจะประยุกต์ข้าวกล้องงอกมาทำอาหารอย่างอื่นอีกด้วย เช่น ขนมปัง โจ๊ก เชื่อว่าต้องขายดีแน่นอน

ด้านนางปัทมาภรณ์ จิตตรานุช อายุ 40 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า มารับการ อบรมเพราะต้องการได้สูตรไปทำขาย โดยเฉพาะน้ำข้าวกล้องงอก และไอศกรีมข้าวกล้องงอกจะขายดีแน่นอน กระแสคนไทยขณะนี้ต้องการบริโภคข้าวกล้องงอกกันมาก ดังนั้นจะต้องรีบนำมาทำขาย เพราะขนาดน้ำเต้าหู้ ยังทำขายกันทั่วประเทศ แต่นี่ดีกว่าคนรอซื้อเป็นจำนวนมาก

ขณะที่นายเมธา รัชตะปีติ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์ฝนหลวงหัวหิน กล่าวว่า ตน ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสวยข้าวกล้องงอกมาตลอด รวมทั้งทรงรับสั่งให้ตนรับประทานข้าวกล้องด้วย ซึ่งได้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสวยน้ำข้าวกล้องงอกด้วย ขณะนี้ทราบว่าห้องเครื่องเสวยได้ขอสูตรน้ำข้าวกล้อง งอกมาจากกรมการข้าว เพื่อมาทำเอง ตนรับใช้ “ในหลวง” มาตลอดเรื่องฝนหลวง และถวายรายงานให้พระองค์ทุกวัน เพราะพระองค์ท่านเป็นห่วงเรื่องน้ำ และเกษตรกรมาก ซึ่งทรงงานทุกวัน พระองค์ท่านทรงมีความจำดีเยี่ยม พระองค์ทรงวิเคราะห์ว่าปริมาณน้ำแต่ละปีจะเป็นอย่างไร เพราะพระองค์ทรงทำสถิติ ทำกราฟตลอด และมีพระพลานามัยแข็งแรง

นายสุเทพ โพธิ์งาม หรือป๋าเทพ โพธิ์งาม ศิลปินตลกอาวุโส ที่เคยผลิตน้ำข้าวกล้องจำหน่ายกล่าวว่า ดีใจที่วันนี้ผลิตภัณฑ์น้ำข้าวกล้อง หรือน้ำข้าวกล้องงอก ได้รับความนิยม เพราะเป็นของดี มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ แต่คนไทยไม่เคยสนใจ มัวแต่ไปยึดติดกับการบริโภคข้าวขาว หรืออาหารฟาสต์ฟู้ดกันหมด ทำให้ของดี ๆ ราคาย่อมเยาถูกมองข้าม ในฐานะที่เคยทำ “น้ำข้าวกล้อง” ขาย สาเหตุจริง ๆ เมื่อก่อนป่วยเป็นโรคเหน็บชา สุขภาพไม่ดี จึงหันมาใส่ใจกับสุขภาพ โดยทำน้ำข้าวกล้องกินเป็นประจำ ปรากฏว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้นมาก

“ผมเลยปิ๊งไอเดียทำขาย ตั้งใจให้ผู้คนทั่วไปบริโภคของดีมีประโยชน์ จึงไปซื้ออุปกรณ์มาเริ่มผลิต ตอนนั้นราวปี 45 เงินทุนไม่มี แต่อาศัย มีชื่อเสียง ใช้วิธีซื้อเงินผ่อน คิดรวมแล้วลงทุน ไปกว่า 1 ล้านบาท ใช้ชื่อยี่ห้อ “โพธิ์งาม” มีลูกค้าสนใจเยอะมาก เป็นที่ต้องการของตลาด หลังขายประมาณ 1 ปี ก็คิดขยายกิจการ เลยไปขออนุญาตจาก อย. แต่ไม่ผ่าน เพราะกรรมวิธีการผลิตไม่ทันสมัย ก็เลยต้องเลิกทำ ขอยืนยันว่าไม่ได้ขาดทุน ทุกวันนี้ยังทำกินเองที่บ้านด้วย”.

เพิ่มอีกสูตรบ๊ะจ่างเพื่อถวายพระเทพฯ

จดสิทธิบัตรน้ำข้าวกล้องฯ



เพิ่มอีกสูตรบ๊ะจ่างเพื่อถวายพระเทพฯ

"สูตรน้ำข้าวกล้องงอกผสมธัญพืช"จดสิทธิบัตรแล้วเพื่อให้เป็นทรัพย์สินทาง ปัญญาของคนไทยทุกคน และสามารถยึดเป็นอาชีพได้ เพิ่มอีกสูตร “บ๊ะจ่างข้าวกล้องงอก” เพื่อถวายพระเทพฯ ขณะที่อธิบดีกรมข้าว เพิ่มโทรศัพท์อีก 3 หมายเลข รวมเป็น 6 เลขหมาย ไว้รองรับความ ต้องการของประชาชนที่แห่โทรฯ ถามจนสาย แทบไหม้ หรือเปิดเข้าไปดูที่เว็บไซต์ www. ricethailand.go.th/brrd พร้อมกับเพิ่มรอบการอบรมไปอีก

หลังจากเดลินิวส์เสนอประโยชน์ของน้ำข้าวกล้องงอกนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ม.ค. ที่สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว น.ส.สุนันทา วงศ์ปิยชน นักวิจัยข้าวเจ้าของสูตรน้ำข้าวกล้องงอกผสมธัญพืช ขึ้นโต๊ะเสวย และเจ้าของสูตรบ๊ะจ่างข้าวกล่ำงอกถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้เผยสูตรน้ำข้าวกล้องงอก จนกลายเป็นกระแสน้ำเครื่องดื่มบำรุงร่างกายยอดฮิตของเมืองไทยไปแล้ว โดยในวันนี้ น.ส.สุนันทา ยังสาธิตสูตรการทำ “บ๊ะจ่างข้าวกล้องงอก” เพื่อถวายสมเด็จพระเทพฯ อีกด้วย

สำหรับวิธีทำบ๊ะจ่างข้าวกล้องงอกมีดังนี้ นำข้าวกล้องข้าวเหนียวดำไปแช่น้ำประมาณ 24 ชั่วโมง และระหว่างแช่จะต้องมีการเปลี่ยนน้ำด้วย เพื่อไม่ให้เกิดน้ำเสียจะทำให้ข้าวไม่หอม เมื่อข้าวเกิดงอกเป็นตุ่มเล็กแล้วล้างน้ำ และนำมาหุงแบบสุก ๆ ดิบ ๆ จากนั้นนำมาห่อรวมกับเครื่องผสมเช่นเนื้อหมู เห็ดหอม แปะก๊วย ไข่แดงเค็ม กุนเชียง ส่วนคนที่ชอบชีวจิตไม่ต้องใส่เนื้อสัตว์ลงไป และปรุงรสหวานเค็มนิดหน่อย เพราะข้าวเหนียวดำงอกจะมีรสชาติออกหวานอยู่แล้ว โดยข้าวกล้องงอกข้าวเหนียวดำ 1 ส่วนประมาณครึ่งกิโลกรัม ผสมกับข้าวเหนียวขาว 1 ส่วนประมาณครึ่งกิโลกรัม จะทำบ๊ะจ่างได้ 20 ลูก

ด้านนางวารี ไชยเทพ ผอ.ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี เปิดเผยว่าในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ ทางศูนย์ได้เปิดอบรมเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าวทั่วประเทศ 50 ศูนย์ ประมาณ 200 คน เพื่อนำสูตรน้ำข้าวกล้องผสมธัญพืช ไปเผยแพร่ให้กับประชาชนได้ทันท่วงที เพราะขณะนี้มีประชาชน ต้องการที่จะเรียนรู้วิธีการทำกันมาก โดยเฉพาะวิธีการเพาะข้าวกล้องให้งอก ที่ประชาชนยังไม่เข้าใจดี หากใครสนใจสามารถเข้าไปเปิดดูได้ที่เว็บไซต์ www.ricethailand.go.th/brrd ซึ่งจะบอกวิธีขั้นตอนทุกอย่าง ตั้งแต่เพาะข้าวกล้อง จนงอก และสูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอก อีกทั้งมีประชาชนสนใจกันมาก ขณะนี้เราต้องเปิดรอบการอบรมเพิ่ม จากเดิมกำหนดวันที่ 16 ม.ค.นี้ ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี และวันที่ 20 ม.ค. กับวันที่ 29 ม.ค. ที่สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่รับไว้จำนวน 600 คนนั้น ขณะนี้ต้องเพิ่มอีก โดยจะอบรมทุกวันพุธของเดือน ก.พ. ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. เป็นต้นไป

ส่วนนางสำลี บุญญาวิวัฒน์ ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กล่าวว่าขณะนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้รับเรื่องการขอจดสิทธิบัตร คุ้มครองสูตรน้ำข้าวกล้องงอกผสมธัญพืชไว้แล้ว เพราะเราจะต้องรีบจดเพื่อป้องกันไว้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทย ที่คนไทยทุกคนสามารถทำเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้

ขณะที่นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว ระบุว่า จะเรียกเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าว และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั่วประเทศ 50 ศูนย์ เข้ามารับการอบรมสูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอกในวันเสาร์และอาทิตย์นี้ เพื่อจะได้ไปอบรมให้กับประชาชนในต่างจังหวัด จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมากรุงเทพฯ สำหรับปัญหาที่ประชาชนโทรศัพท์เข้ามาจองการเข้ารับการอบรม หรือเข้ามาสอบถามสูตร แต่โทรฯ ไม่ได้หรือโทรฯ ได้แล้วไปติดบ้านประชาชน ตนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยและยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ตลอดเวลาไม่เคยปล่อยสายว่าง เลย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะมีประชาชนโทรศัพท์เข้ามามากมาย ขณะนี้ตนได้สั่งให้เพิ่มเจ้าหน้าที่ และเบอร์โทรศัพท์อีก 3 สาย รวมเป็น 6 เลขหมาย มีหมายเลข 0-2561-2070, 0-2561-2182, 0-2579-0922, 0-2579-0831 และ 0-2571-7168-9

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเด็ก วันเสาร์ที่ 10 นี้ กรมการข้าว จะนำสูตรน้ำข้าวกล้องงอกผสมธัญพืช ไปสาธิตให้ประชาชนและเด็กที่มาชมงาน รวมทั้งแจกไอศกรีมข้าวกล่ำงอกฟรีนำต้นข้าวที่สูงที่สุดในโลก ไปแสดงชื่อว่างาน “งานเด็กไทยหัวใจเกษตร 6” จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ รังสิต ปทุมธานี หรืออยู่ข้างตลาดไท.

ผักสุกมีคุณค่าอาหารสูงกว่าดิบ

วิจัยพบความรู้อันใหม่ล่าสุด ผักสุกมีคุณค่าอาหารสูงกว่าดิบ

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 50

นัก วิจัยเมืองมักกะโรนีพบความรู้ใหม่ ทำลายความเชื่อถือเดิมที่เป็นมาจนถึง ทุกวันนี้ว่า การหุงต้มผักให้สุก ทำให้คุณค่าของอาหารหมดลงแล้ว กลับได้รู้ว่า การทำให้ผักสุก ช่วยให้รักษาหรือเพิ่มคุณค่าให้สูงขึ้นเสียด้วยซ้ำ

คณะนักวิจัยของ อาจารย์นิโคเลตตา เปเลกรินี่ มหาวิทยาลัยปาร์มาแห่งอิตาลี ได้ค้นพบความรู้ใหม่ในการศึกษาขนาดเล็กและกำลังพยายามรวบรวมข้อมูลที่ สมบูรณ์ ที่แสดงให้เห็นว่าคุณค่าของอาหารในผักที่ปรุงสุกแล้วสูงขึ้น

นัก วิจัยได้ศึกษาคุณค่าอาหารในผักอย่างเช่น หัวแครอท และบร็อคโคลี ทำให้สุกตามวิธีปรุง อาหารแบบอิตาเลียน ด้วยการผัด ต้มหรือนึ่ง ได้พบว่าผักที่สุกด้วยการต้มและนึ่ง ยังคงมีสาร ประกอบต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง หากแต่การผัดทำให้สูญเสียสารเหล่านั้นลงไม่น้อย เมื่อเทียบกับการต้ม

ส่วน ผักบร็อคโคลีที่ทำให้สุกด้วยการนึ่ง จะยิ่งทำให้มีสารกลูโคไซโนเลตส์ อันเป็นสารประกอบ ในพืชที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณป้องกันโรคมะเร็งสูงได้

หัว หน้าคณะนักวิจัยให้ความเห็นไว้ในรายงานผลการวิจัย อยู่ในวารสารวิชาการ “เคมีอาหาร และเกษตรกรรม”ว่า อาจจะเป็นได้ว่าผักแต่ละชนิด อาจจะมีวิธีปรุงให้สุก เพื่อที่จะคงรักษาคุณค่าอาหารเอาไว้ได้คนละอย่างกัน.

การพัฒนานวัตกรรมข้าวกล้องสด

ในปัจจุบันคนจำนวนหนึ่งที่ใส่ใจต่อสุขภาพได้หันมาบริโคข้าวกล้องแทนข้าวขาว (ข้าวสาร) เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ผ่านการสีเพียงครั้งเดียวเพื่อเอาเปลือก (แกลบ) ออก ข้าวที่ได้จึงยังมีจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (รำ) อยู่ ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวนี้เป็นส่วนที่อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหาร จึงเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าข้าวประเภทอื่น
การพัฒนานวัตกรรมข้าวกล้องสด (stabilized brown rice)


แม้ผู้บริโภคจะรู้ว่าข้าวกล้องดี มีประโยชน์มากกว่า แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงนิยมบริโภคข้าวที่ขัดจนขาวมากกว่าข้าวกล้อง เนื่องจาก ข้าวกล้องมีข้อด้อยคือ หุงยาก เก็บไว้ได้ไม่นาน มีกลิ่นหืน และที่สำคัญคือ มีเนื้อสัมผัสที่แข็ง ทำให้รู้สึกว่ากินไม่อร่อย หากสามารถปรับปรุงคุณภาพข้าวกล้องให้มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มขึ้นและเก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่มีกลิ่นหืน ก็จะมีผู้หันมาบริโภคข้าวกล้องเพิ่มมากขึ้น

ข้าวกล้องที่ไม่ได้ผ่านการถนอมคุณค่าอย่างถูกหลักวิชาการทันทีหลังจากกะเทาะเปลือกจะเสื่อมสภาพลงทุกวินาที ไม่ว่าจะบรรจุในภาชนะพิเศษสูญญากาศหรือไม่ก็ตาม เนื่องจาก เอนไซม์ไลเปส (lipase) ในข้าวกล้องจะไปย่อยกรดไขมัน มีผลให้กรดไขมันที่ดีในข้าวกล้องเสื่อมสภาพลง (oxidization) จนมีกลิ่นหืนในที่สุด นอกจากนี้ปฏิกิริยา oxidization ยังก่อให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระ (free radicals) ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

นักวิจัยของฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ซีเรียลเทค คอร์ปอเรชั่น ได้ทำการคิดค้นหาวิธีการในการเก็บรักษาคุณค่าตามธรรมชาติของข้าว จนค้นพบกระบวนการที่เรียกว่า "Stabilization process" ที่สามารถรักษาสารอาหารที่มีคุณค่าต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเมล็ดข้าวไว้อย่างครบถ้วน แถมมีผลพลอยได้ตามมาคือความอร่อยอีกด้วย กระบวนการ Stabilization Process เป็นการควบคุมคุณภาพของไขมันไม่อิ่มตัวที่อยู่ในชั้นเยื่ออ่อนที่หุ้มเมล็ดข้าว ทำให้เก็บรักษาไว้ได้นาน 6 - 9 เดือน โดยไม่มีกลิ่นหืน กระบวน การดังกล่าวจะใช้ไอร้อนและความดันที่เหมาะสมเฉพาะให้แก่ข้าวเปลือกก่อนการ กะเทาะเปลือก เพื่อยับยั้งเอนไซม์ตัวการสำคัญที่จะทำให้กรดไขมันมีการแตกตัวทำให้กรดไขมัน ไม่อิ่มตัวสามารถคงรูปเดิมไว้ได้ เอนไซม์ที่จะทำลายสารอาหารที่อยู่ในข้าวมีหลายชนิด แต่ที่สำคัญและส่งผลต่อการหืนของน้ำมันทำให้ข้าวเสื่อมคุณค่ามากที่สุดคือ เอนไซม์ไลเปส (lipase) ซึ่งจะเริ่มทำงานทันทีหลังจากเกิดการกะเทาะเปลือกแล้วทำให้ข้าวกล้องมีกรดไขมันอิสระเกิน 5% ภายในระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงแรกนั่นเอง หลังจากกะเทาะเปลือกแล้วจึงนำข้าวมาอบเพื่อให้เยื่อหุ้มอ่อนที่หุ้มอยู่รอบ เมล็ดข้าวกล้องรวมตัวกับบางส่วนของแป้งที่มีอยู่ในข้าวนั้นจนเป็นเยื่อบางๆ หุ้มเมล็ดข้าวไว้ เพื่อป้องกันมิให้ออกซิเจนในอากาศไปทำปฏิกิริยากับไขมันดังกล่าว จึงทำให้สามารถรักษาคุณค่าของไขมัน ตลอดจนสารไฟโตนิวเตรียนท์ (Phytonutrients) ต่างๆ เช่น แกมม่าออริซานอล (γ-Orizanol) วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

คุณลักษณะโดดเด่นของข้าวกล้องสดที่ผ่านกระบวนการดังกล่าว คือ จะให้ความอร่อย มีความนุ่ม เก็บรักษาง่าย และเก็บได้นาน 6 - 9 เดือนโดยไม่มีกลิ่นหืน และที่สำคัญยังคงรักษาคุณประโยชน์ของข้าวให้คงอยู่ในสภาพเหมือนข้าวที่เพิ่งผ่านการกะเทาะเปลือกสด ๆ ให้คุณค่าของคาร์โบไฮเดรตครบรูป ซึ่งประกอบด้วย ใยอาหารที่ไม่เสียโครงสร้าง มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็น ตลอดจนสงวนคุณค่าของสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุอื่น ๆ

ภาพแสดงกระบวนการผลิตข้าวกล้องสด

ผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องสด “VITARICE”

การพัฒนานวัตกรรมข้าวกล้องงอก (germinated brown rice หรือ GABA-rice”)


ข้าวกล้องงอก
(germinated brown rice หรือ GABA-rice”) ถือเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ข้าวกล้องงอก (germinated brown rice) เป็นการนำข้าวกล้องมาผ่านกระบวนการงอก ซึ่งโดยปกติแล้ว ในตัวข้าวกล้องเองประกอบด้วยสารอาหารจำนวนมาก เช่น ใยอาหาร กรดไฟติก (Phytic acid) วิตามินซี วิตามินอี และ GABA (gamma aminobutyric acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน และช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัว เป็นต้น เมื่อนำข้าวกล้องมาแช่น้ำเพื่อทำให้งอก จะทำให้ข้าวกล้องมีสารอาหาร โดยเฉพาะ GABA เพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้ประโยชน์จากการที่มีปริมาณสารอาหารที่สูงขึ้นแล้ว ยังทำให้ข้าวกล้องงอกที่หุงสุกมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม รับประทานได้ง่ายกว่าข้าวกล้องธรรมดาอีกด้วย จึงง่ายแก่การหุงรับประทานได้โดยไม่ต้องผสมกับข้าวขาวตามความนิยมของผู้บริโภค

จากการศึกษาทางกายภาพและทางชีวเคมีพบว่า "เมล็ดข้าว" ประกอบด้วย เปลือกหุ้มเมล็ด หรือแกลบ (Hull หรือ Husk) ซึ่งจะหุ้มข้าวกล้อง ในเมล็ดข้าวกล้องประกอบด้วย จมูกข้าวหรือคัพภะ (Germ หรือ Embryo) รำข้าว (เยื่อหุ้มเมล็ด) และเมล็ดข้าวขาวหรือเมล็ดข้าวสาร (Endosperm) สารอาหารในเมล็ดข้าวประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบหลัก โดยมีโปรตีน วิตามินบี วิตามินอี และแร่ธาตุที่แยกไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของเมล็ดข้าว นอกจากนี้ ยังพบสารอาหารประเภท ไขมันซึ่งพบได้ในรำข้าวเป็นส่วนใหญ่

ข้าวเมื่ออยู่ในสภาวะที่มีการเจริญเติบโตจะมีการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี การเปลี่ยนแปลง จะเริ่มขึ้น เมื่อน้ำได้แทรกเข้าไปในเมล็ดข้าว โดยจะกระตุ้นให้เอนไซม์ภายในเมล็ดข้าวเกิดการทำงาน เมื่อเมล็ดข้าวเริ่มงอก (malting) สารอาหารที่ถูกเก็บไว้ในเมล็ดข้าวก็จะถูกย่อยสลายไปตามกระบวนการทางชีวเคมีนเกิดเป็นสารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลเล็กลง (oligosaccharide) และน้ำตาลรีดิวซ์ (reducing sugar) นอกจากนี้ โปรตีนภายในเมล็ดข้าวก็จะถูกย่อยให้เกิดเป็นกรด อะมิโนและเปปไทด์ รวมทั้งยังพบการการสะสมสารเคมีสำคัญต่าง เช่น แกมมาออริซานอล (gamma-orazynol) โทโคฟีรอล (tocopherol) โทโค ไตรอีนอล (tocotrienol) และโดยเฉพาะ สารแกมมาอะมิโนบิวทิริกแอซิด (gamma-aminobutyric acid) หรือที่รู้จักกันว่า "สารกาบา"(GABA)

ส่วนประกอบที่สำคัญของเมล็ดข้าว

หลังจากแช่ข้าวกล้องนาน 12 ชม. แล้วหุ้มไว้อีก 12 ชม.
ก็จะได้เมล็ดข้าวกล้องงอกดังรูป

เปรียบเทียบระหว่างเมล็ดข้าวกล้องธรรมดา (แถวบน)
กับ เมล็ดข้าวกล้องงอก (แถวล่าง)

GABA (gamma aminobutyric acid)


GABA เป็นกรดอะมิโนที่ผลิตจากกระบวนการ decarboxylation ของกรดกลูตามิก (glutamic acid) กรดนี้จะมีบทบาทสําคัญในการทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท(neurotransmitter) ในระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากนี้ GABA ยังถือเป็นสารสื่อประสาทประเภทสารยับยั้ง (inhibitor) โดยจะทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมองที่ได้รับการกระตุ้น ซึ่งช่วยทำให้สมองเกิดการผ่อนคลายและนอนหลับสบาย อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อ (anterior pituitary) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต (HGH) ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้ กล้ามเนื้อเกิดความกระชับ และเกิดสาร lipotropic ซึ่งเป็นสารป้องกันการสะสมไขมัน

จากการศึกษาในหนู พบว่า การบริโภคข้าวกล้องงอกที่มีสาร GABA มากกว่าข้าวกล้องปกติ 15 เท่า จะสามารถป้องกันการทำลายสมอง เนื่องจาก สารเบต้าอไมลอยด์เปปไทด์ (Beta-amyloid peptide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสูญเสียความทรงจำ (อัลไซด์เมอร์) ดังนั้น จึงได้มีการนำสาร GABA มาใช้ในวงการแพทย์เพื่อการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทต่างๆ หลายโรค เช่น โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลมชัก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยด้านสุขภาพกล่าวว่า ข้าวกล้องงอกที่ประกอบด้วย GABA มีผลช่วยลดความดันโลหิต ลด LDL (Low densitylipoprotein) ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดน้ำหนัก ทำให้ผิวพรรณดี ตลอดจนใช้บำบัดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลางได้

ข้าวกล้องงอก (germinated brown rice) ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าในตลาดญี่ปุ่น


บริษัท
FANCL เป็นบริษัทผู้ผลิตข้าวกล้องงอกและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ปัจจุบันมีโรงงานผลิตข้าวกล้องงอก 2 แห่ง คือ ที่จังหวัดนากาโน (Nagano) และจังหวัดนาวากานา (Nawagana) บริษัทนี้มีขั้นตอนการผลิตข้าวกล้องงอกที่ควบคุมคุณภาพเป็นอย่างดี โดยหลังจากรับข้าวกล้องเข้าสู่โรงงานแล้วจะทำการตรวจสอบคุณภาพขั้นต้นด้วยตาเปล่าก่อนแล้วพักไว้ 2 วัน เพื่อให้เมล็ดข้าวมีความคงตัว จึงเข้าสู่กระบวนการทำให้งอก เริ่มจากคัดแยกวัตถุดิบเอาสิ่งปลอมปนจำพวกกรวด หิน ดิน ทราย และเมล็ดแตกหักออกด้วยเครื่อง CCD sensor ซึ่งเป็นกล้องที่ใช้ตรวจจับความผิดปกติของเมล็ดข้าวที่มีลักษณะพิการไม่สมประกอบ สุดท้ายก็เป็นการคัดแยกสีด้วยเครื่อง Color Sorter เพื่อแยกเอาเมล็ดที่มีสีผิดปกติออก ข้าวจะถูกทำให้งอกโดยเพาะในแท็งก์ทรงกระบอกความสูงประมาณ 15 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 เมตร จำนวน 6 แท็งก์ ที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และปริมาณน้ำให้เหมาะสมต่อการงอกอยู่ตลอดเวลา หลังจากทิ้งให้งอกประมาณหนึ่งคืน ข้าวงอกที่ได้จะถูกทำให้แห้ง ขั้นตอนนี้มีการตรวจเช็คการงอกของข้าวโดยการวัดกิจกรรมของเอนไซม์ในเมล็ด ข้าว รวมทั้งตรวจสอบคุณภาพของเมล็ดข้าวงอกเพื่อคัดเมล็ดที่แตกหักเสียหายด้วย ตะแกรงร่อน คัดแยกเมล็ดที่งอกไม่สมบูรณ์และเมล็ดที่มีสีผิดปกติออกจากนั้นจึงเข้าสู่การ บรรจุลงถุงพลาสติกปิดผนึกด้วยเครื่องจักร ในห้องปลอดเชื้อ (Clean room)

ตัวอย่างข้าวที่ผ่านกระบวนการสร้าง
GABA rice ในแต่ละขั้นตอ

การสาธิตการใช้เครื่อง CCD sensor

ผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอกของบริษัท FANCL
แนวทางการพัฒนานวัตกรรม GABA-rice ของหน่วยงานวิจัยในเมืองไทย


จากการวิจัยเบื้องต้นของ อ.พัชรี ตั้งตระกูล จากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการศึกษาหาพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมและสภาพการผลิตข้าวกล้องงอกที่มีประสิทธิภาพ พบว่า ข้าวขาวดอกมะลิ
105 เมื่อนำมาเพาะเป็นข้าวกล้องงอกจะมีสาร GABA มากที่สุด (15.2 - 19.5 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ซึ่งสูงกว่าข้าวกล้องปกติ ส่วนสภาวะที่จะทำให้ข้าวกล้องงอกได้ดีคือ ต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำราว 48 - 72 ชั่วโมงในหม้อแช่ โดยมีการควบคุมอุณหภูมิ การไหลเวียนน้ำ ความดัน และความเป็นกรดด่างของน้ำ เพื่อให้ความชื้นจากน้ำไปกระตุ้นให้เมล็ดข้าวงอกและเปลี่ยนกรดกลูตามิกไปเป็นสารกาบาอันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ต่อมาเมื่อได้ข้าวกล้องงอกในขั้นตอนนี้แล้ว ก็ต้องทำให้ข้าวกล้องงอกหยุดการงอกต่อไป โดยอบแห้งให้มีความชื้นต่ำกว่า 14% ในหม้ออบแห้ง จากนั้นจึงบรรจุลงในถุงสุญญากาศพร้อมขายเป็น ลำดับสุดท้าย สำหรับข้าวกล้อง ที่สามารถนำมาแช่น้ำให้เกิดการงอกได้นั้นจะต้องเป็นข้าวกล้องที่ผ่านการกะเทาะเปลือกมาไม่นานเกิน 2 สัปดาห์

ปัจจุบันผู้ประกอบการภาคเอกชนกำลังให้ความสนใจกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากข้าว ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าแนวทางการผลิตและจำหน่ายข้าวในปัจจุบันจะต้องมีการ ปรับตัวเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวและใช้ประโยชน์จากข้าวอย่างคุ้มค่า ด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในประเทศไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) จึงได้ริเริ่มในการพัฒนาโครงการข้าวกล้องงอกเพื่อสุขภาพ โดยร่วมมือกับสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและกลุ่มธุรกิจข้าวรายใหญ่ของประเทศจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปทุมไรซซ์มิลล์ แอนด์ แกรนารี จำกัด บริษัท เจียเม้ง จำกัด และ บริษัท ธวัทชัย อินเตอร์ไรซ์ จำกัด ในการพัฒนาสายการผลิตต้นแบบสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศ รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทย ซึ่งโครงการนี้ มุ่งเน้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมข้าวกล้องงอกสำหรับรับประทาน ที่มีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม รับประทานง่าย และผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอกแปรรูปเพื่อสุขภาพต่าง ๆ เช่น อาหารว่าง ซุป และเครื่องดื่ม

Text Box: ข้าวกล้องสดและข้าวกล้องงอก นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าข้าวกล้อง

บทสรุป


จากการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในด้านการผลิตข้าวมาอย่างยาวนาน
เมื่อข้าวสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากข้าวกล้องธรรมดามาเป็นข้าวกล้องสดและข้าวกล้องงอก ทำให้เก็บรักษาข้าวกล้องไว้ได้นาน นอกจากนี้ยังได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้นและจำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น นับ ว่าเป็นนวัตกรรมการผลิตที่ต้องหันมามองและให้ความสนใจกันเพิ่มขึ้นอย่างเร่ง ด่วน เป็นการปรับตัวเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับข้าวและใช้ประโยชน์จากข้าวอย่างคุ้มค่า ซึ่งจะเป็นการช่วยพยุงราคา ข้าวไม่ให้ตกต่ำ ชาวนาไทยก็จะได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากกว้าง ๆ กันบ้าง

เอกสารประกอบการเรียบเรียง


1.
เดลินิวส์ออนไลน์. 2550. ข้าวกล้องสด นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าข้าวไทย. วันที่ค้นข้อมูล : 6 กุมภาพันธ์ 2550. http://www.dailynews.co.th/

2. ผู้จัดการออนไลน์. 2550. กาบ้าไรซ์ แปลงข้าวเป็นยาป้องกันอัลไซเมอร์. วันที่ค้นข้อมูล : 25 เมษายน 2550.
http://www.manager.co.th/aspbin/mgrview.aspx? NewsID=9500000043863

3. สถาบันอาหาร องค์กรเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม. ข้าวกล้องงอก (germinated brown rice): ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากข้าวในญี่ปุ่น. กรุงเทพธุรกิจ BizWeek.
18-24 กันยายน 49. หน้า C7.

4. สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ. 2550. ข้าวกล้องงอก กาบ้าไรซ์ (GABA-rice)”นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ข้าวไทยในตลาดโลก. วันที่ค้นข้อมูล : 18 เมษายน 2550.
www.nia.or.th/innolinks/200701/innovtrend.htm.

5. หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์. 2550. ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพพัฒนาผลผลิตชาวนา. วันที่ค้นข้อมูล : 3 กรกฎาคม 2550.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&post_date=3/Jul/2550&news_id=144524&cat_id=200700

เกี่ยวกับฉัน